อาจารย์ช้าง อาจารย์เสือ

ความจริงแล้วพยายามทำแบบเด็ดเดี่ยว ให้มันลงถึงใจกันทีเดียว เอาแบบอย่างสู้ตายเลย มอบกายถวายตัวเลย เอาแบบนี้จะดีนะ อย่างหลวงปู่ขาว ท่านพยายามมอบกายถวายตัว อ้าว! ทำไมมันไม่อยู่ เดินจงกรมน่ะ คืนทีแรกท่านก็เอาไม่มากเท่าไหร่ ท่านเดินจงกรมบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คืนที่สองมา ท่านนั่งบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดคืนไม่เอน คืนที่สามมา ท่านก็ยืนบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดคืน จนใจของท่านสงบลง

ในอีกตอนหนึ่งหลวงปู่ขาวท่านเคยเล่าให้ฟัง ไปอยู่ภูลังกา ทางจังหวัดนครพนมอย่างโดดเดี่ยวเลย บ้านคนก็ไม่มีอยู่ใกล้ พอเวลาไปก็เลยให้โยมทำร้านให้ พอเสร็จแล้วโยมก็กลับบ้าน ท่านก็อยู่องค์เดียว พอเดินจงกรมแล้วขึ้นไปบนร้านไหว้พระ พอไหว้พระเสร็จแล้วก็นั่งภาวนา นั่งไปราวสักชั่วโมงสองชั่วโมง เห็นว่าตนเดินทางเหนื่อยก็เลยเอนหลัง พอเอนหลัง ไม่รู้อะไรมาเขย่าที่เสาที่ร้าน จึงลุกมานั่งภาวนา มันก็หายไป พอเหนื่อยเราจะพักสักครู่ พอเอนตัวลง ก็มาเขย่าอีก อยู่อย่างนั้นทั้งคืน จนตลอด 3 คืนที่ไม่ได้หลับได้นอน สู้กันอยู่อย่างนั้น คืนที่ 4 ท่านก็เดินจงกรมแล้วก็นั่งภาวนา แต่นั้นมาจิตของท่านสงบลงไป นั่นก็ไม่มีอะไร หายไปเลย ไม่มีอะไรที่มาเขย่า สงบไปเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะอดทนอยู่ได้? คงจะไม่ได้หรอกนะ ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวก็วิ่งอย่างอุตลุดไปเลย

นี่อีกอย่างหนึ่ง (หลวงปู่ขาว) ท่านเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับช้าง ท่านเดินจงกรมอยู่ ไม่มีน้ำมัน ไฟฉายก็ไม่มี ก็ได้เทียนนั่นแหละ เทียนนั้นท่านก็จุดเรียงตามทางเดินจงกรมให้มันสว่าง พออยู่ระหว่างเดินจงกรม ย่างเข้าระยะ 4 ทุ่ม ช้างป่าหากินกลับมา ได้ยินเสียงมันหักกิ่งไม้มาเลยทีเดียว "ทำอย่างไรเรา ช้างมาแล้ว" ว่างั้น ไม่รู้จะไปที่ไหนกลางคืนแล้ว ยังไงก็ยอมมอบกายถวายตัวแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เดินจงกรมอยู่นั่นแหละ พอดีช้างมันมาใกล้ มาเห็นเทียนที่จุดเป็นแถวๆ ไว้ตามริมทางเดินจงกรม ช้างมันก็มายืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ทำอย่างไรดี ท่านก็เดินจงกรมเฉยๆอยู่อย่างนั้นแหละ ผลสุดท้ายส่วนภายในใจแทบจะตายนั่นแหละ มันกลัว อุตส่าห์พยายามเดินจงกรมเฉยๆอยู่อย่างนั้นแหละ ผลสุดท้าย พอถอยออกไป บริวารของมันก็เริ่มถอย ถอยตามๆกันไป

อยู่มาอีกวันหนึ่ง วันนี้ก้อนก้อนใหญ่พอสมควร เลยขึ้นมายืนอยู่บนก้อนหินนั่น พอดีมีญาติโยมนำมะขามสุกเอามาไว้สำหรับขัดฝาบาตรทอง และมีเกลือด้วย ที่เขาเอามาให้ พอดีในระยะนั้นมันก็มา ช้างน่ะ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร งวงมันยื่นเข้าไป ถ้าหากก้อนมันเล็กซักหน่อยก็คงจะถึงงวง พอดีก็ยืนคอยดูอยู่อย่างนั้น บางทีเหนื่อยก็นั่ง พอดีไม่เห็นอะไร ช้างมันก็ถอยออกไปกินมะขาม ทีนี้นึกอยู่ในใจ "มันคงจะกินมะขามของเราที่เอาไว้ขัดฝาบาตร กินของเราหมดแล้วละมั้ง" หลวงปู่ขาวจึงพูดออกไปเหมือนกับคนเราพูดกันนั่นแหละ "พี่ชายเอ๋ย อย่าเพิ่งกินหมดนะ เหลือไว้ให้น้องด้วย น้องจะเอาไว้ขัดฝาบาตร" ว่างั้น มันก็ยืนตกตะลึง คอยฟังเสียงคน พอว่าอย่างนั้นมันเลยหยุด พอหยุดแล้วก็ค่อยออกไป ถอยออกไป เหมือนอย่างกับรู้จักภาษากัน มันถอยออกไปเลย ถ้าสมมติอย่างพวกเรา จะอยู่กันได้ไหมล่ะ

อย่างหลวงปู่อ่อน หนองบัวบานก็เหมือนกัน เดินจงกรม ในขณะนั้นอยู่ที่ไหนไม่ทราบ พอเดินจงกรม เดินไปๆมาๆ ก็นึกขึ้นมาในใจ นึกอยากจะเห็นเสือ "เสือทำไมไม่มาให้เราดูเลย" พอเดินจงกรมรอบสอง เลยเดินเทียบเลยทีนี้... เสือ แหม! ใจหายหมด ยับยั้งไม่อยู่เลย ใจนั้น จะเอาอย่างไร ทำอย่างไร พยายามยับยั้ง ตายเป็นตายว่างั้น เดินไปถึงเส้นทางโน้นกลับมา มันก็เดินกลับมาด้วย เดินเทียบไปอย่างนั้นกลับไปกลับมา ผลสุดท้ายกลัวมันมาก ก็เลยยืนหลับตานึกในใจ "ข้าพเจ้ากลัวแล้ว พอเมื่อเวลาเห็นก็รู้สึกกลัวมาก ขอให้ขยับขยายออกไปเสียเถิด" พอนึกอธิษฐานอยู่อย่างนั้น พอดีเสือมันกระโดดเข้าป่าหายไปเลย จากนั้นใจก็โล่งสบาย เลยเดินจงกรมจนใจสงบ อย่างนี้สำหรับครูบาอาจารย์ ต้องเอาช้างเอาเสือเป็นครูเป็นอาจารย์ ใจของเราจึงจะสงบได้ ถ้าเอาครูบาอาจารย์ที่เป็นมนุษย์ด้วยกัน ก็คงจะไม่ลงไม่ยอมรับ