เวลาที่หลวงปู่ไปโปรดญาติโยมในสถานที่ต่างๆ จะมีผู้สนใจมากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับท่านเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มสนใจปฏิบัติภาวนาและผู้ที่ปฏิบัติมาแล้ว ทำให้คำถามมีความหลากหลาย ตามแต่ปัญหาที่มีอยู่ในใจของแต่ละท่าน แต่ละคน
ส่วนคำตอบของหลวงปู่ก็มีความชัดเจน และอธิบายได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง สามารถนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติภาวนาได้อย่างเป็นที่ลงใจว่า ไม่ผิดทางอริยมรรคอย่างแน่นอน
โยม |
ดิฉันมีเรื่องอยากกราบเรียนถามท่าน ดิฉันบางครั้งทำงานต้องใช้สัตว์ทดลอง ที่ทดลองเพื่อจะให้ได้งาน มันไม่ใช่ทดลองให้ตาย เจตนาเราทดลองแล้วเอาประโยชน์ไปสำหรับช่วยมนุษย์ อย่างนี้บาปไหมคะ โดยที่สัตว์นั้นตาย โดยที่ไม่ได้เจตนา |
หลวงปู่ |
เอ้า! ถ้าไม่มีเจตนา เราจะทำได้หรือ |
โยม |
ไม่ได้เจตนาค่ะ เราทำเพื่อจะให้ผลออกมาใช้กับมนุษย์ บาปไหมคะ? |
หลวงปู่ |
ก็บาปเหมือนกัน บาปทั้งนั้นแหละ เลี่ยงไม่ได้ เราจะทดลองแบบไหนก็ช่าง ได้ชื่อว่าเราเป็นผู้ทรมาน ทรมานสัตว์นั่นเอง ถึงแม้ว่าตายหรือไม่ตาย ถ้าไม่ถึงตายก็ได้ชื่อว่าทรมานเขา ถ้าถึงตายก็ได้ชื่อว่าเราทำลายชีวิตของเขา ก็เป็นบาป |
โยม |
นั่นหมายความว่า เรามีเจตนาที่ว่า เราต้องการเอาเขามาตรวจโรคมนุษย์ก็ไม่ได้หรือ บาปเหมือนกันหรือคะ |
หลวงปู่ |
ก็บาปเหมือนกัน ท่านว่าบาปเหมือนกัน เอาอย่างนี้ สมมติอย่างเรา เขาอยากจะมาทดลองเรา เพื่อจะเอาเราไปทำประโยชน์อย่างหนึ่ง เราจะยอมให้เขาทำไหม? |
โยม |
ถ้าชดเชยโดยเอาไปทำประโยชน์เพื่อใช้ชีวิตมนุษย์ล่ะคะ? |
หลวงปู่ |
เอ้า! ไม่น่าจะชดเชย |
โยม |
คิดว่า จำเป็นทำเหมือนอย่างทหารที่ถูกสั่งให้ไปฆ่าข้าศึกจะบาปไหมคะ? |
หลวงปู่ |
อย่างทหารหรือ ถ้าเรามีเจตนาก็บาปเหมือนกัน เป็นทหารก็ดี เว้นเสียแต่เราทำอย่างนี้ เมื่อเจตนา เอ้า! เรายิงไปโน้น เราไม่เจตนาจะยิ่งอะไรทั้งหมด เรายิงไปเฉยๆ เรามีเจตนาอย่างนั้นก็พอที่จะบรรเทาได้ ถ้าหากว่าเรามีเจตนาว่าจะยิ่งให้มันถึงตายเลยทีเดียว หรือตั้งใจว่าจะยิงให้มันถูก มันก็เว้นไม่ได้ คิดดูเช่นตัวอย่าง ยังมีนิทานเรื่องหนึ่งว่า ยังมีภิกษุรูปหนึ่ง และยังมีนายพรานคนหนึ่งเดินทางไป ภิกษุนั้นเดินก่อนเดินข้างหน้า ภิกษุองค์นั้นก็เลยเห็นว่านายพรานนั้นจะตามทำร้าย ว่าอย่างนั้น ภิกษุก็เลยหลบหลีกลี้เข้าไปอยู่ในพุ่มไม้ นายพรานนั้นก็ถือหอก พอดีไปถึงในระยะนั้นพอดี พอเหมาะพอดีกับภิกษุองค์นั้นซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ นายพรานก็เดินไป พอเดินไปก็เลยเห็นว่าพระ ไม่รู้ว่าไปที่ไหน ก็เลยคิดว่าภิกษุองค์นี้คงกลัวเรา ก็เลยเอาหอกซัดลงไปในพุ่มไม้ ก็เลยไปถูกภิกษุ พอไปถูกภิกษุก็เลยถึงแก่ความตาย พอเมื่อเวลาถึงแก่ความตายแล้ว นายพรานก็ได้รับผลกรรมอยู่ตลอดโดยที่ไม่มีเจตนา พอเมื่อเวลากลับชาติมา ภิกษุนั้นมาเกิดเป็นมนุษย์ นายพรานนั้นไปเกิดเป็นกบ พอเมื่อเวลาไปเกิดเป็นกบแล้ว ภิกษุนี้ก็เลยหาอยู่กินเป็นอาชีพ ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะไปถูกไปทำลาย ก็พอดีมีไม้แหลมอันหนึ่ง พอดีเสียบแทงลงไปก็เลยไปถูกกบตาย กรรมอันนี้ย่อมนำสนับสนุนกันอยู่อย่างนี้
|
โยม |
อย่างนี้ฆ่าโดยไม่เจตนา มิต้องตามฆ่าทุกชาติหรือครับ? |
หลวงปู่ |
เขาก็พยาบาทอยู่อย่างนั้นเอง เมื่อเวลาเขาถูกทำให้เจ็บแล้ว เขาต้องคิดพยาบาทปองร้ายเราอยู่เหมือนกัน มันเป็นอย่างนี้ |
โยม |
ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้ว จะลบล้างไปได้ไหมเจ้าคะ? |
หลวงปู่ |
ก็พอได้ ถ้าหากว่าเราประพฤติปฏิบัติกันจริงๆ ได้เหมือนกัน ทำจริงปฏิบัติจริงก็พอบรรเทาเบาบางได้เหมือนกัน เมื่อเวลาเรารู้สึกแล้วอย่างนี้ เราก็พยายามทาทางหลบหลีก ปล่อยวาง เอาประโยชน์ตน อย่าเอาประโยชน์ผู้อื่น เอาประโยชน์ตนดีกว่าเอาประโยชน์ผู้อื่น เมื่อเวลาได้ประโยชน์ตนแล้ว ประโยชน์ผู้อื่นก็ไม่สำคัญ อย่าไปทำกรรมแทนคนอื่นได้ยินไหมล่ะ? ไปทำกรรมแทนคนอื่นไม่เหมาะ เราพยายามทำความดีนั้นแหละ |
โยม |
อย่างนี้ครับหลวงปู่ครับ สมมติว่าสัตว์เล็กๆน้อยๆ เทียบกับสัตว์ใหญ่เช่น เราตีมดหรือไส้เดือน เราทำเขาตายไป สมมติเราแผ่หรือทำบุญให้เขา สัตว์เล็กสัตว์น้อยอย่างนี้ เราไม่ต้องทำมาก แต่ว่าสัตว์ใหญ่ต้องทำมาก อย่างนั้นหรือเปล่าครับ? |
หลวงปู่ |
มันก็จิตใจเท่ากันแหละ สัตว์ประเภทไหนก็จิตใจเท่าๆกันแหละ มันก็โตแต่ร่างของเขาเท่านั้น เรื่องของจิตใจมันก็เท่าๆกันนั้นแหละ
|
โยม |
แต่ทุกครั้งที่เราทำ ใจมันก็ไม่สบาย เรามีเจตนาดี ตั้งใจดี แต่เราก็จิตใจไม่สบาย |
หลวงปู่ |
สบายไหมล่ะ เวลาทำลง |
โยม |
ก็มันไม่สบาย ไม่อยากทำ แต่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เชิงจำเป็น คือทำงานอย่างนี้แล้วได้ประโยชน์ สมมติเราได้ของมาชิ้นหนึ่ง เราคิดว่ามีประโยชน์มากแล้วเราไปทำต่อ ซึ่งเอาไปฉีดสาร เพื่อให้ได้ยาเอามาตรวจคนซึ่งเป็นโรค ซึ่งคนนั้นจะต้องตาย เราได้อันนี้มาแล้วได้ประโยชน์ มันบาปไหมคะ? |
หลวงปู่ |
มันก็บาปเหมือนกัน |
โยม |
ถ้าเรากลัวบาปก็ไม่ต้องทำ? |
หลวงปู่ |
มันอยู่ที่เจตนาของเรา |
โยม |
เจตนาของเรา เราเจตนาดี |
หลวงปู่ |
แต่ว่าในส่วนธรรมะ ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เจตนาไม่ได้หมายอย่างนั้น คือเจตนาทางธรรมะ ทางศาสนา ท่านไม่ให้เบียดเบียนหรือทรมานใครทั้งนั้นแหละ เป็นอย่างนั้น |
โยม |
คือปลวกน่ะเจ้าค่ะ ทำแล้วจิตเราไม่สบาย |
หลวงปู่ |
ปลวก ทำอย่างไรปลวก? |
โยม |
เขาโทรมา จะมาทำได้หรือยัง (กำจัด) เลยบอกว่าเอาไว้ก่อน มันไม่สบายใจเลยค่ะ |
หลวงปู่ |
อันนี้เขาโทรมา? |
โยม |
เขามาตรวจดู ถ้าเจอแล้วเขาใส่ยา อันนี้เป็นไปได้ไหมครับ เขาใส่ยา ถ้าตัวไหนมีบุญอยู่ก็ไม่มาโดน |
หลวงปู่ |
เอาอย่างนี้ดีกว่า เราทำอย่างนี้ด้วยเจตนานั้น เราทำนี้โดยที่เราไม่มีตัวของมันทำไว้แค่นี้ เพื่อกันไม่ให้มันมา เราไม่มุ่งถึงตาย ถึงให้มันตาย เราไม่มีเจตนาจะให้ตาย เราเพื่อป้องกันไม่ให้เขามาในที่นี้ เรามีเจตนาอย่างนี้คงจะพออนุโลม |
โยม |
เจตนาผู้มาทำ จะเป็นอย่างไรก็ช่างเขานะคะ |
หลวงปู่ |
เรื่องของเขา ผู้ที่เขาทำเรื่องของเขา เขาจะมีเจตนาอย่างไรก็ตาม มันเป็นอย่างนี้ เราต้องใช้อุบายเหมือนอย่างที่ภิกษุนั่นแหละ คือสมมติว่า ภิกษุมีขโมยมาขโมยของมาในที่นี้ ภิกษุนั่งอยู่ในที่นี้ พอนั่งอยู่ในที่นี้แล้ว เห็นเขาฉกเอาข้าวของหรือเอาวัวเอาควาย หรือเอาอะไรมาผ่านไปผ่านหน้าเราไป เราทำอย่างไร เราจึงจะพ้นจากกรรม เราจึงจะไม่ได้โกหก เราต้องเคลื่อนที่จากนี้ไปอยู่ในร่มไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเวลาเจ้าของเขาตามมา เขาจะมาถามเรา เพื่อแก้ปัญหา เมื่อเวลามาถาม "พระเป็นเจ้าอยู่ที่นี้เห็นเขาขโมยของผ่านมาในสถานที่นี้ไหม" เราต้องกำหนดในสถานที่เราเคลื่อนออกไปนั้น "อาตมามาอยู่ที่นี้ไม่เห็น" |
โยม |
ดิฉันสงสัย เชื้อโรคมีชีวิต ทีนี้ดิฉันถวายยา ถวายยาท่านก็ได้กุศลท่านก็เอาไปกินฆ่าเชื้อโรค ดิฉันก็ได้บุญ ดิฉันก็เลยสงสัย |
หลวงปู่ |
เชื้อโรคอะไรที่มีชีวิต |
โยม |
มีชีวิตทุกอย่าง เพราะพิสูจน์แล้วมันก็เจริญเติบโตมีชีวิต |
หลวงปู่ |
เราไม่ได้รับรู้ว่าเขามีชีวิต โรคในกายของเรา เราไม่ได้รับรู้ว่ามันมีชีวิตหรือมีวิญญาณ |