พ.ศ. 2501-2502 พรรษาที่ 23-24 จำพรรษาที่วัดป่าสันติกาวาส
เมื่อออกพรรษาปีพ.ศ. 2502 แล้ว ย่างเข้าปี พ.ศ. 2503 หลวงปู่พาญาติโยมขุดลอกหนองท้ม ซึ่งเป็นหนองน้ำธรรมชาติอยู่กลางวัด ให้ลึกลง แล้วสร้างวิหารกลางน้ำทำด้วยไม้ สำหรับเป็นที่ทำสังฆกรรม ลงอุโบสถ และบวชพระภิกษุสามเณร และเป็นที่พำนักอยู่ของหลวงปู่ด้วย
ในฤดูแล้งพ.ศ.2503 นี้ หลวงปู่ได้ไปวิเวกที่ดงศรีชมภู อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ออกจากวัดป่าสันติกาวาส ทั้งเดินทั้งอาศัยรถพ่อค้าข้าวไปถึงอำเภอวานรนิวาส พักค้างคืนกับพระอาจารย์แตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม ที่วัดป่าวานรนิวาส (ปัจจุบันคือ วัดธรรมนิเวศวนาราม) หลวงปู่เป็นผู้มีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อไปถึงวัดพระอาจารย์แตงอ่อน หลวงปู่ได้เข้าไปกราบนมัสการตามหน้าที่ของอาคันตุกวัตร และขอพักค้างคืนกับท่าน เมื่อกราบเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์แตงอ่อนจึงถามพรรษา จึงทราบว่าหลวงปู่มีพรรษาแก่กว่าท่าน ท่านพระอาจารย์แตงอ่อนจึงกราบคืน หลวงปู่พักอยู่กับพระอาจารย์แตงอ่อน 1 คืน แล้วก็เดินทางด้วยเท้าต่อไปที่ ดานม้าแล่น บ้านนาคำ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันเป็นวัดดานศรีสำราญ บ้านนาคำ อำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย)
ที่ดานม้าแล่นนี้เป็นก้อนหินยาวๆบ้าง บางก้อนก็ใหญ่ ข้างบนเรียบ เป็นกลุ่มหินอยู่กลางดงศรีชมภู ครั้งแรกปี พ.ศ. 2501 หลวงปู่คำสิงห์ สุจิตฺโต ผู้เป็นพี่ชายของหลวงปู่ได้เข้าไปจำพรรษาอยู่กับสามเณรสม, สามเณรทูล เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงปู่คำตัน ฐิตธมฺโม จึงได้เข้าไป และท่านก็ได้อยู่แต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ (หลวงปู่คำตันมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2540) เมื่อหลวงปู่เข้าไปถึงดานม้าแล่น ในขณะนั้นได้พักอยู่กับหลวงปู่คำตัน และท่านพระอาจารย์บุญยัง ผลญาโณ (มรณภาพแล้ว) หลวงปู่เล่าว่า ในตอนนั้น ที่ดานม้าแล่น ดงศรีชมภู เต็มไปด้วยป่าไม้นานาชนิด และเครือหวายยาวได้ 20-30 เมตร และต้นยาสมุนไพรชนิดต่างๆ ไข้มาลาเรีย และเสือ ช้าง ชุกชุม ตอนกลางคืนเสือ ช้าง ลงกินน้ำวังเวิน เสือโคร่งลายพาดกลอนร้องสนุกสนานตามประสาของพวกมัน แถวใกล้ๆกุฏิที่พักนั้นเอง พวกเก้ง กระจง ก็มีมาก
ความดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังทำให้ได้รับทุกข์ หลวงปู่เล่าว่า มีผู้ชายสองคนพ่อลูกจากจังหวัดกาฬสินธุ์ มารับจ้างเลื่อยไม้ ขอพักอยู่ที่วัดด้วย วันหนึ่งเดินไปเห็นเขาตัดเหล็กรองครุถังอยู่ จึงถามว่าทำอะไร เขาตอบว่า "ตัดเอาไปทำลูกปืนยิงเก้ง" ท่านจึงบอกว่า "อย่าพากันทำอย่างนั้น ถ้าไม่เชื่ออาตมา เดี๋ยวจะเลื่อยไม้ไม่เสร็จนะ" เขาไม่ยอมฟังพากันไปดักยิงเก้ง อยู่มาไม่กี่วันพากันล้มป่วยลง พวกโยมบ้านนาคำต้องช่วยกันหามออกจากวัดไปบ้านนาคำ ความไม่เชื่อฟังจึงได้รับทุกข์ สุดท้ายไม้ก็เลื่อยไม่เสร็จ
เที่ยววิเวกจากดานม้าแล่นไปถ้ำจันทน์
เมื่อพักอยู่ดานม้าแล่นพอสมควรแล้ว จึงเที่ยววิเวกต่อไปที่ถ้ำจันทน์ หลวงปู่ได้พบกับพระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอาจารย์คำบุ และพระอาจารย์สีลา อินฺทวงฺโส ที่ถ้ำจันทน์นี้ สำหรับพระอาจารย์สีลานั้นเป็นคนอำเภอพนมไพรด้วยกัน หลวงปู่เล่าว่าที่ถ้ำจันทน์อากาศดี แต่พอพักอยู่ไม่นานหลวงปู่จับไข้ จึงได้ออกจากถ้ำจันทน์ ทั้งไข้ทั้งเดินมากับโยมพั้ว จนมาถึงทุ่งบ้านหนองตอ จึงมีเหงื่อออก เอามือลูบตามแขนตามตัว เห็นเยื่อบางๆลอกออกเป็นแผ่นๆ จึงรู้ว่าอากาศที่ถ้ำจันทน์ทำให้เกิดเป็นแผ่นปิดขุมขน จึงทำให้เป็นไข้เพราะไม่มีเหงื่อออก หลวงปู่กลับมาพักที่ดานม้าแล่นระยะหนึ่ง ก็เดินทางกลับวัดป่าสันติกาวาส
|