พ.ศ. 2509 พรรษาที่ 31 จำพรรษาที่วัดป่าสันติกาวาส

พรรษาที่ 31


หลวงปู่ขาว อนาลโย
ภาพจาก http://www.luangpumun.org/klu.html

ต้นปีพ.ศ. 2510 นี้ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ท่านได้อาพาธ หลวงปู่ได้ไปเยี่ยมและอยู่เฝ้าปรนนิบัติ โดยหลวงปู่ให้ครูบาสมและผู้เขียนซึ่งเป็นสามเณรติดตามไปด้วย นายดอนเอารถเก๋งมารับจากวัดป่าสันติกาวาส ไปส่งที่วัดถ้ำกลองเพล เมื่อถึงวัดถ้ำกลองเพลก็เป็นเวลาใกล้ค่ำ เพราะตอนนั้นถนนยังเป็นลูกรังหมด รถวิ่งเร็วไม่ได้ หลวงปู่พักที่กุฎิผาผึ้ง มีพระอาจารย์คำสุก และพระอาจารย์จันทร์โสม กิตติกาโร (วัดป่าจันทรังสี (วัดป่านาสีดา) อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มรณภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2549 ณ โรงพยาบาลศิริราช) พักอยู่ด้วยกัน เพราะขณะนั้น พอครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้ทราบว่าหลวงปู่ขาวอาพาธ ต่างก็พากันทยอยเข้าไปค้างที่วัดถ้ำกลองเพล ในขณะที่หลวงปู่ขาวท่านอาพาธหนักอยู่นั้น ครูบาอาจารย์พระเณรรวมกันก็เป็น 50-60 องค์ ในระยะนั้นก็ถือว่ามาก


พระอาจารย์จันทร์โสม กิตฺติกาโร

ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่เข้าไปเยี่ยมและค้างคืนในขณะนั้นก็มีหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ, พระอาจารย์วัน อุตฺตโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร และก็มีอีกหลายๆองค์ ครูบาอาจารย์เปลี่ยนวาระกันเฝ้าไข้ท่าน หลวงปู่ขาวนั้นท่านพักอยู่ที่กุฏิหนูพลอย จิตขยัน หลวงปู่ขึ้นเฝ้าเวลากลางคืน ถ้าวันไหนท่านขึ้นเฝ้า ท่านจะนั่งอยู่ทางขวามือของหลวงปู่ขาว และท่านจะนั่งตัวตรง ภาวนาเฝ้าอยู่ ไม่พูดคุยกับองค์อื่น ต่างองค์ต่างสำรวมกายและจิต หลวงปู่จะนั่งตัวตรงอยู่จนสว่าง จึงกลับที่พักล้างหน้า แล้วก็ลงรวมที่ถ้ำและออกบิณฑบาต หลวงปู่เป็นหัวหน้าบิณฑบาตสายบ้านห้วยเดื่อ ในตอนนั้นสัตว์ป่าและป่าไม้ยังมีเยอะ ช้างป้าก็ยังมี เวลาเดินไปบิณฑบาตก็ยังต้องระวังช้างป่า

 

ให้โอวาทพระเณร

เมื่อถึงวันพระ 8 ค่ำ ทั้งพระ สามเณร แม่ชี และญาติโยม รวมประชุมกันที่ถ้ำกลองเพล ทำวัตรสวดมนต์เย็น ในวันนั้น หลวงปู่เป็นหัวหน้าในที่ประชุม เมื่อทำวัตรสวดมนต์จบแล้ว ครูบาอาจารย์ที่รองจากหลวงปู่มีอยู่หลายองค์ จึงพากันนิมนต์ให้หลวงปู่เป็นผู้ให้โอวาทพระเณร หลวงปู่จึงให้โอวาทเตือนในที่ประชุมว่า "ในขณะนี้ครูบาอาจารย์ท่านอาพาธ พวกเราได้มารวมกันเป็นจำนวนมาก ขอให้ต่างองค์ต่างรักษาจิตของตัวเอง มีสติสำรวมระมัดระวังจิตใจของตัวเอง อย่าปล่อยให้มันไปทับครูบาอาจารย์ ถ้าไม่มีสติสำรวมจิตใจ ปล่อยให้ฟุ้งซ่านโลเล ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า มันทับ มันทับ จิตของท่านละเอียดหมดจด เมื่อเราปล่อยจิตของเราโลเล จึงไปกระทบของท่าน ท่านจึงบอกว่ามันทับมันทับ ขอให้ต่างองค์ต่างตั้งใจสำรวมจิตใจของตนๆ จึงได้ชื่อว่าสนับสนุนครูบาอาจารย์ เพื่อจะให้ท่านหายจากอาพาธ ถ้าปล่อยจิตใจโลเลไปทับถมท่าน เท่ากับเหยียบย้ำซ้ำเติมให้อาพาธของท่านทรุดหนักลง จึงขอให้ทุกๆท่านจงสำรวมจิตใจของตนไว้ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

เมื่อหลวงปู่ให้โอวาทจบแล้ว ก็มีการฟังพระธรรมเทศนาจากครูบาอาจารย์องค์อื่นต่อไป การอาพาธของหลวงปู่ขาวในครั้งนั้น ใครๆก็เข้าใจว่าท่านจะละขันธ์แน่นอน จนถึงกับครูบาอาจารย์ต้องวางแผนเตรียมการกันเป็นการใหญ่ เตรียมทำปะรำที่พักที่รับแขกไว้ เวลาไปเอาไม้ไผ่จากอ่างอาราม ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำกลองเพลหลายกิโล หลวงปู่ก็ไปช่วยแบกไม้ไผ่ด้วย และไปเจอหินที่อ่างอารามเป็นหินที่ใช้ลับมีดได้ดี หลวงปู่ยังให้เอาผ้าอาบน้ำสะพายเอาก้อนหินมาด้วย อยู่ต่อมาคุณหมออวย เกตุสิงห์ ได้เอาเลือดตัวเองเข้าถวายให้ท่านหลวงปู่ขาว แล้วการอาพาธของท่านก็ค่อยหายไป อาการดีขึ้นเรื่อยๆ

 

หลวงปู่พากลับจากถ้ำกลองเพล

หลวงปู่พาพักดูแลปรนนิบัติท่านหลวงปู่ขาวอยู่ถึงสิบห้าวัน เมื่อเห็นว่าอาการท่านดีขึ้นแล้ว จึงพาครูบาสมและผู้เขียนเดินทางกลับจากถ้ำกลองเพล อาศัยรถแขวงทางหนองวัวซอ ที่เข้าไปส่งน้ำที่วัดถ้ำกลองเพลตอนบ่ายๆ มาลงที่หนองวัวซอ นั่งรถโดยสารต่อจากหนองวัวซอมาลงที่อุดร ต่อรถโดยสารอุดร-สกลนคร ลงที่ทางแยกไชยวาน หลวงปู่พาเดินสะพายบาตรแบกกลด ให้พ่อใหญ่มาหาบก้อนหินลับมีด ถึงวัดป่าสันติกาวาสเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี

 

ย้อนกลับ ต่อไป