พ.ศ. 2512-2513 พรรษาที่ 34-35 จำพรรษาที่วัดป่าสันติกาวาส

พรรษาที่ 34-35

เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงปู่ปรารภถึงศาลาการเปรียญของวัดป่าสันติกาวาสที่หลวงปู่พาญาติโยมสร้างเป็นหลังที่ 2 ได้ชำรุดทรุดโทรม คณะศรัทธาญาติโยมจึงลงมติว่า ควรจะรื้อแล้วสร้างหลังใหม่ หลังจากญาติโยมเกี่ยวข้าว เสร็จในการทำนาแล้ว เดือนมกราคม พ.ศ. 2514 หลวงปู่ได้พาญาติโยม ไปติดต่อขอไม้จากเจ้าหน้าที่ป้าไม้ อำเภอบ้านดุง และได้นำไม้จากดงปอ บ้านหนองไฮ อำเภอบ้านดุง มาทำเสาศาลาการเปรียญหลังที่ 3

ในขณะที่หลวงปู่ท่านพาญาติโยมไปพักค้างคืนอยู่ที่ดงปอ เพื่อคัดหาเอาไม้มาทำเสาศาลาการเปรียญนั้น ท่านได้สั่งผู้เขียนและพระที่อยู่เฝ้าวัด ให้ตัดเย็บผ้าไตรจีวรไว้ ให้ได้ 10 ไตร เพื่อจะไปถวายบังสุกุลในงานถวายเพลิงศพหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งท่านได้มรณภาพตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2512 และจะทำพิธีถวายเพลิงศพท่านในวันที่ 6 มีนาคม 2514

เมื่อหลวงปู่สั่งแล้ว ผู้เขียนพร้อมด้วยพระที่อยู่เฝ้าวัด ได้ช่วยกันตัดเย็ยย้อมผ้า ได้ครบตามที่หลวงปู่สั่งไว้ ในขณะนั้นผู้เขียนเพิ่งบวชเป็นพระภิกษุได้ 2 เดือนเท่านั้น เมื่อหลวงปู่พักอยู่ดงปอ บ้านหนองไฮ อำเภอบ้านดุง พวกญาติโยมพากันตัดไม้ได้ครบจำนวน 60 ต้น ยาวต้นละ 10 เมตร เป็นไม้มะค่าแต้ทั้งหมด จึงให้รถลากซุงจากดงปอ อำเภอบ้านดุง มาที่วัดป่าสันติกาวาส แล้วว่าจ้างพวกที่เป็นช่าง ถากเสาให้ ค่าถากต้นละ 100 บาท บางพวกก็ไม่คิดค่าจ้าง ช่วยกันถากเอาบุญ จนได้ต้นเสาครบ 60 ต้น

 

หลวงปู่พาไปร่วมงานถวายเพลิงศพหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ


หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ

เมื่อถึงวันเริ่มงานถวายเพลิงศพหลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ คือวันที่ 4 มีนาคม 2514 หลวงปู่ได้พาญาติโยมและพระติดตาม คือ ผู้เขียน ไปร่วมงานในคราวนั้น ถนนหนทางไปมาลำบากไม่สะดวก ว่าจ้างรถให้ไปส่ง ออกจากบ้านไชยวาน ไปทางอำเภอสว่างแดนดิน บ้านหนามแท่ง บ้านคำขัน ข้ามน้ำสงคราม เข้าถึงบ้านดงเย็น ถนนเต็มไปด้วยทราย บางทีรถติดทราย พวกชาวบ้านต้องมาช่วยกันเข็นรถ ในพิธีงานถวายเพลิงศพหลวงปู่พรหมนั้น ไม่มีมหรสพอะไร เป็นแบบงานของพระกัมมัฏฐาน ตอนกลางวันก็มีครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นองค์แสดงธรรม ตอนกลางคืน พระภิกษุสามเณรที่มาร่วมในงานเป็นจำนวนมาก ทั้งอุบาสกอุบาสิกา พร้อมกันทำวัตรเย็นและสวดมนต์ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณของหลวงปู่พรหม แล้วจากนั้นก็ฟังพระธรรมเทศนาไปตลอดคืน หลวงปู่ได้พาทอดผ้าไตร 10 ไตรที่ได้เตรียมไว้นำไปจากวัด ถวายในงานหลวงปู่พรหมด้วย

ท่านได้พาค้างคืนอยู่จนเสร็จงาน คือวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2514 เวลา 4 ทุ่ม เป็นเวลาถวายเพลิงจริง เช้าวันที่ 7 มีนาคม เก็บอัฐิ มีพิธีสวดมนต์ฉลองอัฐิธาตุ หลวงปู่ได้อยู่ในจำนวนพระสงฆ์สวดมนต์ฉลองอัฐิด้วย เมื่อสวดมนต์เสร็จ มีการถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระภิกษุสามเณรที่มาร่วมในงาน แล้วก็เป็นเสร็จพิธี ครูบาอาจารย์ต่างร่ำลากันกลับที่อยู่ของแต่ละท่านละองค์ หลวงปู่ก็พาเดินทางกลับวัดป่าสันติกาวาส

 

ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์

หลวงปู่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ มีนามว่า "พระครูศาสนูปกรณ์" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ถึงแม้ว่าหลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์แล้ว ท่านก็ไม่หลงในยศฐาน์บรรดาศักดิ์ ท่านยังปฏิบัติองค์ตามแบบพระกัมมัฏฐานตามที่ได้เคยปฏิบัติมา


พัดยศพระครูศาสนูปกรณ์
ขาตั้งหลวงปู่เป็นผู้ทำเอง

 

ย้อนกลับ ต่อไป