พ.ศ. 2517-2518 พรรษาที่ 39-40 จำพรรษาที่วัดป่าสันติกาวาส

พรรษาที่ 39-40


ก.ค. 2517 บนศาลาการเปรียญขณะกำลังก่อสร้าง

ในพรรษาปี 2518 นี้ หลวงปู่ได้สัตตาหกิจไปร่วมงานถวายเพลิงศพหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ วัดป่าหนองแซง ซึ่งท่านได้มรณภาพก่อนเข้าพรรษา แล้วทำการถวายเพลิงศพหลังจากเข้าพรรษาแล้วไม่กี่วัน หลวงปู่อยู่ร่วมงานจนเก็บอัฐิธาตุท่านเสร็จแล้วจึงได้กลับวัด

 

อาพาธครั้งที่ 5 ด้วยอุบัติเหตุเส้นโลหิตแตก

ในพรรษาปีพ.ศ. 2518 เดือนสิงหาคม มีต้นไม้ต้นหนึ่งไม่โตนัก ตายยืนต้นอยู่หลังกุฏิที่หลวงปู่พำนักอยู่ หลังจากฉันเช้าที่ศาลาเสร็จแล้วหลวงปู่กลับไปกุฏิ มีผ้าขาวคนหนึ่งอยู่ปรนนิบัติท่าน หลวงปู่นำมีดโต้ที่ท่านฝนไว้อย่างคมกริบ ให้ผ้าขาวตัดต้นไม้ที่ตายแห้งอยู่กลังกุฏิท่านออก ในขณะที่ตัดไม้ยังไม่เสร็จฝนได้ตกลงมา ผ้าขาวทิ้งมีดตากฝน ตัวเองวิ่งเข้าใต้ถุนกุฏิหลวงปู่ หลวงปู่เห็นมีดทิ้งตากฝนอยู่ ท่านจึงเดินไปเก็บเอามีดเข้ามาใต้ถุนกุฏิท่าน แล้วเอามีดเสียบไว้ที่กองไม้ใต้ถุนกุฏิ ท่านนึกว่ามีดเสียบไว้แน่นดีแล้ว จึงวางมือแล้วจะเดินออกจากที่นั้น ทันใดนั้นมีดได้หลุดออกจากกองไม้ เหวี่ยงลงมาถูกหลังเท้าติดกับข้อเท้าขวา เป็นเหตุให้เส้นเลือดใหญ่เป็นแผล ท่านสั่งไม่ให้ผ้าขาวไปบอกใคร เพราะในขณะนั้นท่านอยู่ที่กุฏิ 2 คนกับผ้าขาวเท่านั้น ท่านให้ผ้าขาวเอาใบเพิน (หรือหญ้าบ้านร้างก็เรียก) มาเคี้ยวแล้วเอาปิดแผล เพื่อขัดเลือดให้เลือดหยุด

ในวันนั้นพอตะวันบ่าย ผู้เขียนอยู่กุฏิตัวเองรู้สึกอยากจะไปหาหลวงปู่ที่กุฏิท่าน จึงลงจากกุฏิแล้วเดินไปหาหลวงปู่ที่กุฏิท่าน เห็นท่านนั่งเหยียดเท้าอยู่กับผ้าขาว ผู้เขียนกราบท่านแล้วถามว่าเป็นอะไร ท่านบอกว่า "ถูกมีด กรรมมันยังไม่สิ้นสุด" ผู้เขียนจะไปตามอนามัยมาเย็บแผล ท่านห้ามไม่ให้ไป ผู้เขียนก็ปฏิบัติตาม อยู่มาได้ 22 วัน เส้นเลือดที่เป็นแผลได้แตกเลือดพุ่ง ผู้เขียนได้ใช้ผ้าขาวพันที่แผลและขาของท่านไว้ แล้วไปติดต่อหารถนำท่านส่งโรงพยาบาลอุดรธานี เส้นเลือดหลวงปู่แตกตั้งแต่เวลา 11.00 น. จนเวลาบ่ายสามโมงเย็นจึงได้รถจากแขวงการทางสว่างแดนดินมารับหลวงปู่ ส่งถึงโรงพยาบาลอุดรธานีเกือบมืด นำเข้าห้องฉุกเฉิน หมอแก้ผ้าที่พันแผลไว้ออก เลือดพุ่งออกมา หมอใช้คีมจับเส้นเลือดไว้ แล้วนำหลวงปู่เข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน จนถึงเวลา 20.00 น. หมอนำหลวงปู่ออกจากห้องผ่าตัดไปพักที่ตึกสงฆ์อาพาธ หมอบอกว่าเหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์ หลวงปู่จะสิ้นใจ เพราะเลือดออกมา จนถึงเวลา 02.00 น. หลวงปู่จึงลืมตาขึ้นมองดูลูกศิษย์ที่คอยอุปัฏฐากอยู่ใกล้ๆ ทุกคนจึงหายใจโล่งไปตามๆกัน

 

เราเตรียมตัวไปแล้ว

วันหลังเมื่อหลวงปู่อาการดีขึ้นแล้ว ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า "ในขณะที่เลือดออกมากๆนั้น เรามองดูอะไรก็อยู่ไกลริบหรี่ไม่ได้การแล้ว จึงกำหนดเข้าที่ เตรียมตัวไปแล้วแต่มันยังไม่ไปจึงฟื้นคืนมา"

 

ศ.นพ. โรจน์ สุวรรณสุทธิ มาเยี่ยม

เมื่อ ศ.นพ. โรจน์ สุวรรณสุทธิ ได้ทราบข่าวว่าหลวงปู่อาพาธ ด้วยเส้นโลหิตแตก จึงเดินทางจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมหลวงปู่ที่ตึกสงฆ์อาพาธที่โรงพยาบาลอุดรธานี และได้ทำแผลล้างถวายหลวงปู่ด้วยตนเองด้วย เสร็จแล้วได้กราบเรียนหลวงปู่ว่า "หากท่านอาจารย์พักอยู่โรงพยาบาลไม่เป็นที่สบาย ก็กลับไปรักษาอยู่ที่วัดได้ เพราะอาการอย่างอื่นไม่มีอะไร มีแต่การล้างแผลวันละครั้งเท่านั้น" เมื่อ ศ.นพ. โรจน์ เยี่ยมหลวงปู่เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว จึงกราบลาหลวงปู่กลับกรุงเทพฯ หลวงปู่พักรักษาอยู่โรงพยาบาลอุดรธานีประมาณ 1 อาทิตย์ ท่านพระอาจารย์เสน ปญฺญาธโร จึงนิมนต์หลวงปู่ไปพักรักษาอยู่ที่วัดป่าหนองแซง หลวงปู่พักอยู่วัดป่าหนองแซงได้ 3 วัน คุณลัดดาวัลย์ เอียสกุล ไปพบหลวงปู่ที่วัดป่าหนองแซง จึงกราบอาธาธนาให้หลวงปู่ไปพักรักษาที่โรงพยาบาลหนองคาย เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาทางหนองคายได้ถวายอุปัฏฐากบ้าง หลวงปู่รับนิมนต์ไปพักรักษาที่โรงพยาบาลหนองคายอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ออกจากโรงพยาบาลไปพักอยู่ที่วัดอรุณรังษี แผลที่เป็นก็ยังไม่หาย คุณลัดดาวัลย์และคณะลูกศิษย์ชาวหนองคายได้ถวายอุปัฏฐากเป็นอย่างดียิ่ง และได้ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลหนองคาย ส่งพยาบาลผู้ชายไปทำแผลให้ที่วัดอรุณรังษี จนแผลหายดีเรียบร้อย หลวงปู่จึงได้กลับวัดป่าสันติกาวาส รวมเวลาที่พักรักษาอยู่ที่หนองคายเป็นเวลาถึง 3 เดือน เป็นอันว่าพรรษาที่ 40 ของหลวงปู่ ท่านไม่ได้จำอยู่วัดป่าสันติกาวาสตลอด ด้วยเหตุแห่งอาพาธจึงย้ายไปที่ต่างๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว

 

ย้อนกลับ ต่อไป